
Engagement คืออะไร ทำความเข้าใจความสำคัญที่มีต่อธุรกิจออนไลน์
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจบนโลกออนไลน์สูงขึ้นทุกวัน การมีแค่ยอดผู้ติดตาม (Follower) อาจไม่เพียงพอที่จะการันตีความสำเร็จอีกต่อไป แต่ตัวชี้วัดที่นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือ "Engagement" หรือการมีส่วนร่วม เพราะนี่คือหัวใจที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างแบรนด์กับลูกค้า บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า engagement การตลาด คืออะไร และทำไมมันถึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจออนไลน์ยุคปัจจุบัน
Engagement คืออะไร
Engagement หรือ "การมีส่วนร่วม" ในบริบทของการตลาดออนไลน์ หมายถึงทุก ๆ ปฏิสัมพันธ์ที่ผู้ใช้งานมีต่อคอนเทนต์หรือแบรนด์ของคุณบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์, คอมเมนต์, แชร์, การคลิกลิงก์ หรือแม้แต่การบันทึกโพสต์ พูดง่าย ๆ คือมันไม่ใช่แค่การ "เห็น" แต่คือการ "กระทำ" ที่แสดงออกถึงความสนใจ ดังนั้น ยอดเอนเกจ คือตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่าคอนเทนต์ของคุณสามารถเชื่อมต่อและกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาจากกลุ่มเป้าหมายได้ดีเพียงใด
เพราะอะไรธุรกิจควรมี Engagement Marketing
การทำการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ หรือ Engagement Marketing คือกลยุทธ์ที่ทุกธุรกิจบนโลกออนไลน์ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพราะประโยชน์ของมันส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของแบรนด์ในหลายมิติ
- สร้างความสัมพันธ์และความภักดี (Brand Loyalty): การมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอช่วยเปลี่ยนจากผู้ติดตามธรรมดาให้กลายเป็นแฟนคลับที่เชื่อมั่นและภักดีต่อแบรนด์
- เพิ่มการมองเห็นแบบออร์แกนิก (Organic Reach): อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จะให้คะแนนคอนเทนต์ที่มี Engagement สูง และนำส่งโพสต์นั้นไปให้คนเห็นมากขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินยิงแอด
- ได้รับ Feedback ที่มีค่า: ทุก ๆ คอมเมนต์คือข้อมูลเชิงลึกชั้นดีที่ช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ (Social Proof): เพจหรือโพสต์ที่มีคนเข้ามาไลค์และคอมเมนต์เยอะ ย่อมดูน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ดีกว่าเพจที่เงียบเหงา
ประเภทของ Engagement
การจะวัดผลว่า ยอดเอนเกจ คือเท่าไหร่นั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าการมีส่วนร่วมสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีความสำคัญและน้ำหนักที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจประเภทของ Engagement จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และวางแผนการทำคอนเทนต์ได้ดียิ่งขึ้น
1. Like / Reaction
ไลค์หรือการกด Reaction (เช่น หัวใจ, ฮา, ห่วงใย) คือการแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมขั้นพื้นฐานที่สุด แม้จะเป็นการกระทำที่ใช้ความพยายามน้อย แต่ก็เป็นสัญญาณบวกที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดที่บอกอัลกอริทึมว่ามีคนชื่นชอบคอนเทนต์ของคุณ มันเป็นตัวชี้วัดความสนใจเบื้องต้นและช่วยสร้างกำลังใจให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ได้เป็นอย่างดี
2. Comments
คอมเมนต์ถือเป็นการมีส่วนร่วมที่มีคุณภาพสูงกว่าไลค์ เพราะผู้ใช้งานต้องใช้เวลาและความคิดในการพิมพ์ข้อความ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจในเนื้อหาอย่างแท้จริง คอมเมนต์ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้พูดคุย โต้ตอบ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรง การตอบกลับคอมเมนต์อย่างใส่ใจคือส่วนสำคัญของ engagement การตลาด คือการสร้างบทสนทนาที่มีความหมาย
3. Shares
การแชร์คือการมีส่วนร่วมที่มีคุณค่ามากที่สุด เพราะมันเปรียบเสมือนการ "แนะนำบอกต่อ" ผู้ใช้งานที่แชร์คอนเทนต์ของคุณกำลังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์โดยสมัครใจ พวกเขายอมนำชื่อเสียงของตัวเองไปผูกกับคอนเทนต์ของคุณเพื่อแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ในเครือข่ายของตนเองได้เห็น ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็น (Reach) และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้อย่างมหาศาล
4. Click-Throughs
การคลิก (Clicks) ก็ถือเป็น Engagement ที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคอนเทนต์ของคุณมีเป้าหมายเพื่อนำคนไปยังปลายทางอื่น เช่น การคลิกลิงก์เพื่อเข้าไปอ่านบทความในเว็บไซต์, การคลิกเพื่อดูสินค้าในหน้า Landing Page หรือการคลิกเพื่อแอด LINE อัตราการคลิก (Click-Through Rate) เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่าคอนเทนต์ของคุณสามารถกระตุ้นความสนใจและนำไปสู่การกระทำที่ธุรกิจต้องการได้สำเร็จหรือไม่
ขั้นตอนวางแผนสร้างประสิทธิภาพการทำ Engagement Marketing
การจะสร้าง ยอดเอนเกจ คือสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากความบังเอิญ แต่ต้องมาจากการวางแผนอย่างเป็นระบบและมีความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง นี่คือ 5 ขั้นตอนสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ engagement การตลาด คือสิ่งที่ทุกธุรกิจสามารถเริ่มต้นทำตามได้
1. สร้าง Buyer Persona
ก่อนจะสร้างคอนเทนต์ คุณต้องรู้ก่อนว่ากำลังจะสื่อสารกับใคร การสร้าง Buyer Persona หรือแบบจำลองของลูกค้าในอุดมคติ จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร, มีความสนใจอะไร, มีปัญหาอะไรที่อยากให้คุณช่วยแก้ และใช้ชีวิตบนโซเชียลมีเดียอย่างไร เมื่อคุณเข้าใจพวกเขา การสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจก็ไม่ใช่เรื่องยาก
2. กำหนด Brand Voice
Brand Voice คือบุคลิกและน้ำเสียงของแบรนด์คุณ คุณต้องกำหนดว่าอยากให้แบรนด์เป็นแบบไหน เช่น เป็นเพื่อนที่เข้าถึงง่าย, เป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ หรือเป็นแบรนด์สายฮาที่สร้างสรรค์ การมี Brand Voice ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอจะทำให้แบรนด์ของคุณมีคาแรกเตอร์ที่น่าจดจำและทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้น
3. รวมไอเดียและวางแผนสร้างคอนเทนต์
เมื่อรู้จักกลุ่มเป้าหมายและมี Brand Voice ที่ชัดเจนแล้ว ก็ถึงเวลาคิดไอเดียคอนเทนต์ ลองระดมสมองว่ามีเนื้อหาอะไรบ้างที่จะมีประโยชน์, ให้ความบันเทิง หรือแก้ปัญหาให้กับ Buyer Persona ของคุณได้ อาจจะเป็นคอนเทนต์ให้ความรู้ (How-to), คอนเทนต์เบื้องหลังการทำงาน (Behind the Scenes), คอนเทนต์รีวิวจากผู้ใช้จริง หรือคอนเทนต์ที่ชวนให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็น
4. สร้าง Content Calendar และเริ่มทดลอง
นำไอเดียทั้งหมดมาจัดลงในปฏิทินคอนเทนต์ (Content Calendar) เพื่อวางแผนการโพสต์ล่วงหน้าให้มีความสม่ำเสมอ จากนั้นให้เริ่ม "ทดลอง" โพสต์คอนเทนต์ในรูปแบบและเวลาที่แตกต่างกันไป เพื่อเก็บข้อมูลว่าคอนเทนต์แบบไหนที่กลุ่มเป้าหมายของคุณชอบและสร้าง Engagement ได้ดีที่สุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดที่วัดผลได้
5. ปรับปรุงและพัฒนาตลอดเวลา
หัวใจของ engagement การตลาด คือการไม่หยุดนิ่ง คุณต้องคอยติดตามและวัดผลประสิทธิภาพของคอนเทนต์อยู่เสมอผ่านเครื่องมือวิเคราะห์หลังบ้าน (Analytics) เพื่อดูว่าโพสต์ไหนมี ยอดเอนเกจ คือเท่าไหร่ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาเรียนรู้, ปรับปรุง และพัฒนาแผนการทำคอนเทนต์ของคุณให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สรุปบทความ
Engagement การตลาด คือ การสร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์กับผู้ติดตามผ่านการสื่อสารสองทางที่มีความหมาย ไม่ใช่แค่การโพสต์ขายของเพียงอย่างเดียว การมี ยอดเอนเกจ คือตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ในยุคนี้ การทำความเข้าใจและวางแผนสร้าง Engagement อย่างเป็นระบบตามขั้นตอนที่กล่าวมา จะช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและเป็นที่รักของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
และหากคุณต้องการทางลัดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เว็บปั้มผู้ติดตาม PUM-TH เป็นผู้ให้บริการเพิ่มยอดไลค์ ยอดติดตาม และยอดแชร์บนแพลตฟอร์มยอดนิยมด้วยระบบอัตโนมัติ 100% พร้อมเป็นผู้ช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ