Impression คืออะไร?

Impression คืออะไร? ตัวเลขสำคัญที่คนทำการตลาดออนไลน์ต้องรู้

ในยุคที่ใคร ๆ ก็ลงโฆษณาออนไลน์กันหมด การวัดผลจากแคมเปญต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ หนึ่งในตัวเลขสำคัญที่นักการตลาดออนไลน์ต้องรู้จักและเข้าใจให้ลึก คือ Impression เพราะตัวเลขนี้บอกถึงโอกาสที่แบรนด์ของคุณได้แสดงต่อสายตาผู้ชม แต่จริง ๆ แล้ว impression คือ อะไร? สำคัญแค่ไหน? ต่างจาก Reach อย่างไร? มาหาคำตอบทั้งหมดในบทความนี้กัน


Impression คืออะไร

Impression (อิมเพรสชั่น) คือจำนวนครั้งที่คอนเทนต์หรือโฆษณาของคุณปรากฏขึ้นบนหน้าจอของผู้ใช้งาน โดยไม่สนว่าผู้ใช้จะหยุดดู คลิก หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์นั้นหรือไม่ พูดง่าย ๆ คือแค่แสดงผลให้เห็นก็นับเป็น 1 Impression แล้ว

ลองนึกภาพตามง่าย ๆ หากคุณเลื่อนฟีดบน Facebook แล้วเห็นโฆษณาชิ้นหนึ่งแวบผ่านไป นั่นคือ 1 Impression หากคุณเลื่อนฟีดกลับไปกลับมาแล้วเห็นโฆษณาชิ้นเดิมอีก 2 ครั้ง ก็จะนับเพิ่มอีก 2 Impressions รวมเป็น 3 Impressions จากผู้ใช้คนเดียว


ประเภทของ Impression มีอะไรบ้าง

ไม่ใช่ทุก Impression จะมีค่าเท่ากัน ในเชิงเทคนิคแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของ Impression เพื่อให้เข้าใจคุณภาพของการแสดงผลได้ลึกซึ้งขึ้น ดังนี้

Served Impression

Served Impression คือการนับ Impression ทันทีที่เซิร์ฟเวอร์ส่งข้อมูลโฆษณาไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้สำเร็จ แต่วิธีนี้มีจุดอ่อน คือโฆษณาอาจถูกส่งไปแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏบนหน้าจอผู้ใช้จริง ๆ ก็ได้ เช่น โฆษณาอยู่ด้านล่างสุดของหน้า แต่ผู้ใช้ไม่ได้เลื่อนลงไปดู) เป็นต้น

Viewable Impression

Viewable Impression คือมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับมากกว่า โดยจะนับเป็น Impression ก็ต่อเมื่อโฆษณานั้นปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้ตามเกณฑ์ที่กำหนดจริง ๆ เช่น ตามมาตรฐานของ IAB (Interactive Advertising Bureau) กำหนดว่า โฆษณาแบบดิสเพลย์จะต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 50% แสดงบนหน้าจอเป็นเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 1 วินาที จึงจะนับเป็น 1 Viewable Impression ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือกว่าเพราะหมายความว่าผู้ใช้มีโอกาสได้เห็นโฆษณานั้นจริง ๆ

Verified Impression

Verified Impression คือ Impression ที่ผ่านการตรวจสอบและคัดกรองทราฟฟิกที่ไม่มีคุณภาพหรือการฉ้อโกงออกไปแล้ว เช่น การแสดงผลที่เกิดจากบอท (Bot) หรือกิจกรรมที่น่าสงสัย เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเลข Impression ที่ได้มาจากผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์จริง ๆ ซึ่งช่วยให้นักการตลาดวัดผลได้แม่นยำและใช้งบประมาณได้คุ้มค่าที่สุด


Impression กับ Reach ต่างกันยังไง?

  • Reach คือจำนวนคนที่เห็นโพสต์หรือโฆษณาของคุณ
  • Impression คือจำนวนครั้งที่โพสต์หรือโฆษณานั้นแสดงผล

หรือทำความเข้่าใจแบบง่าย ๆ เลย คือคนหนึ่งคนอาจเห็นโฆษณาชิ้นเดียวกันหลายครั้ง จึงทำให้จำนวน Impression มากกว่า Reach เสมอ ตัวอย่างเช่น

ถ้ามีคน 1,000 คนเห็นโฆษณา และแต่ละคนเห็นโฆษณานี้เฉลี่ย 3 ครั้ง จะมียอด Reach = 1,000 และ Impression = 3,000


ทำไม Impression ถึงสำคัญกับการตลาดดิจิทัลนัก?

เพราะ Impression คือจุดเริ่มต้นของทุกการรับรู้ การพิจารณาและการซื้อในที่สุด ยิ่งโฆษณาถูกเห็นบ่อย โอกาสที่ผู้ชมจะจดจำแบรนด์และเกิด Conversion ก็ยิ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ตัวเลข Impression ยังช่วยให้คุณประเมินได้ว่าแคมเปญของคุณมีการกระจายตัวและมองเห็นได้ดีเพียงใดในกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ รวมทั้งวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญได้แม่นยำขึ้น วางแผน Budget และ Ad Frequency ได้เหมาะสม ไปจนถึงช่วยปรับปรุง Creative หรือ Content ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น


วิธีดู Impression ในแต่ละแพลตฟอร์มยอดนิยม

Impression บนเว็บไซต์

สามารถดูได้จาก Google Search Console ซึ่งจะแสดงจำนวน Impression ที่เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ Google (SERP) และ Google Analytics สำหรับแคมเปญโฆษณาแบบดิสเพลย์ (Google Display Network)

Impression บน Facebook และ Instagram

ดูได้จาก Meta Business Suite หรือ ตัวจัดการโฆษณา (Ads Manager) โดยในหน้ารายงานผลลัพธ์ของโพสต์และโฆษณาจะมีคอลัมน์ Impression แสดงไว้อย่างชัดเจน

Impression บน TikTok

สำหรับบัญชีธุรกิจหรือครีเอเตอร์ สามารถเข้าไปที่ เครื่องมือวิเคราะห์ (Analytics) เพื่อดูข้อมูล Impression ของวิดีโอแต่ละตัวได้

Impression บน X (Twitter)

สามารถดูได้ที่ X Analytics ซึ่งจะแสดงข้อมูล Impression ของแต่ละทวีตและภาพรวมของบัญชีไว้

Impression บน Youtube

ใน YouTube Studio ใต้แท็บการวิเคราะห์ (Analytics) และส่วนการเข้าถึง (Reach) คุณจะเห็นข้อมูลจำนวนครั้งที่แสดงผลของภาพหน้าปก (Impressions) ซึ่งหมายถึงจำนวนครั้งที่ภาพปกวิดีโอของคุณถูกแสดงให้ผู้ชมเห็นบน YouTube

ความสำคัญของ Impression ในการทำแคมเปญการตลาด

ข้อมูล Impression ไม่ได้มีไว้ดูเฉย ๆ แต่นักการตลาดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ดังนี้

  • ใช้ปรับแต่งแคมเปญโฆษณา หากแคมเปญมี Impression สูงแต่ CTR ต่ำ อาจหมายความว่าข้อความหรือรูปภาพในโฆษณายังไม่น่าดึงดูดพอ ในทางกลับกัน หาก Impression ต่ำมาก อาจเป็นเพราะการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายแคบเกินไปหรืองบประมาณไม่เพียงพอ
  • ช่วยวางแผนความถี่การแสดงโฆษณา (Ad Frequency) ความถี่คือค่าเฉลี่ยที่คนหนึ่งคนเห็นโฆษณาของคุณ ดังนั้น การรู้จำนวน Impression ช่วยให้คุณควบคุมความถี่ไม่ให้สูงจนเกินไปจนผู้ใช้รำคาญ (Ad Fatigue) หรือต่ำไปจนคนจำแบรนด์ไม่ได้
  • ใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาด (Market Insight) การเปรียบเทียบ Impression ของคอนเทนต์แต่ละชิ้นช่วยให้คุณเห็นว่าหัวข้อ รูปแบบหรือข้อความแบบไหนที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจและแพลตฟอร์มเลือกที่จะแสดงผลบ่อยกว่า

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Impression บนโซเชียลมีเดีย

การเพิ่ม Impression บนโซเชียลมีเดียไม่ได้ขึ้นอยู่กับการโพสต์บ่อยอย่างเดียว แต่ยังมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเชิงเนื้อหา เวลา และกลุ่มเป้าหมาย ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ช่วยให้โพสต์ของคุณถูกมองเห็นมากขึ้น

  • เวลาที่โพสต์ (Day & Time) การโพสต์ในช่วงเวลาที่ผู้ใช้งานออนไลน์มากที่สุด จะช่วยเพิ่มโอกาสที่โพสต์จะปรากฏบนฟีดของผู้ชม ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มและกลุ่มเป้าหมายจะมีพฤติกรรมการใช้งานต่างกัน
  • ประเภทของคอนเทนต์ (ภาพ, วิดีโอ, Reels) แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่มี Engagement สูง เช่น วิดีโอสั้น หรือ Reels ซึ่งสามารถสร้าง Impression ได้มากกว่ารูปภาพธรรมดา เพราะมีแนวโน้มที่ผู้ใช้จะดู ย้อนกลับ หรือแชร์
  • การใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้อง การใส่ Hashtag ที่ตรงกับเนื้อหาและเป็นที่นิยมในกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้โพสต์ของคุณเข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ ได้มากขึ้น เพราะแพลตฟอร์มจะดันคอนเทนต์นั้นไปสู่คนที่ติดตามหรือสนใจ Hashtag นั้นอยู่แล้ว
  • งบประมาณการโปรโมต หากเป็นโพสต์ที่โปรโมตด้วยโฆษณา งบประมาณถือเป็นตัวแปรสำคัญอย่างมาก ยิ่งมีงบมาก ก็ยิ่งสามารถกำหนดความถี่ (Frequency) และจำนวนการแสดงผล (Impression) ได้สูงขึ้นตามไปด้วย
  • การตั้งกลุ่มเป้าหมาย (Audience Targeting) แม้จะมีงบมาก แต่ถ้าตั้งกลุ่มเป้าหมายผิด Impression ก็อาจกระจุกอยู่กับคนที่ไม่สนใจหรือไม่ตอบสนองโพสต์ของคุณ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเลือก Target ให้แม่นยำ เช่น ตามอายุ เพศ ความสนใจ หรือพฤติกรรม จะช่วยให้ Impression ที่ได้มีคุณภาพ และเพิ่มโอกาสในการเกิด Engagement ต่อไป
  • ความถี่ในการโพสต์ ควรโพสต์อย่างสม่ำเสมอ และไม่ถี่จนเกินไป จะช่วยให้แพลตฟอร์มมองว่าเพจของคุณมีการเคลื่อนไหว และจะมีแนวโน้มถูกแสดงในฟีดผู้ใช้งานมากขึ้น
  • คุณภาพของเทนต์ Impression ที่ดีไม่ใช่แค่จำนวนการแสดงผล แต่ต้องทำให้คนหยุดเลื่อน และจดจำได้ เช่น ภาพสวย การสื่อสารตรงประเด็น, ข้อความน่าสนใจ กระตุ้นให้คลิกหรือแชร์ หรือการใช้ CTA (Call-to-Action) ชัดเจน เช่น “ดูเพิ่มเติม”, “สั่งเลย”, “แชร์ให้เพื่อน” ก็จะช่วยให้คนดูนานขึ้น และอัลกอริทึมก็จะส่งโพสต์ของคุณให้คนอื่นเห็นมากขึ้นตามไปด้วย


คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Impression

ยอด Impression เยอะ = ยอดขายดีจริงไหม?

ไม่เสมอไป! เพราะ Impression คือจำนวนที่โฆษณาถูกแสดง แต่ยอดขายต้องอาศัยหลายปัจจัย เช่น CTR, Conversion Rate และ Product-Market Fit การมี Impression เยอะแต่คนไม่สนใจก็อาจไม่ช่วยให้ยอดขายเพิ่ม

ควรให้ความสำคัญกับ Impression หรือ Reach มากกว่ากัน?

ควรดูทั้งคู่ร่วมกัน แต่ถ้าเน้นการรับรู้แบรนด์ (Awareness) ก็ควรให้ความสำคัญกับ Reach แต่ถ้าอยากวัดความถี่ในการแสดงโฆษณาให้ดูที่ Impression โดยเฉพาะเมื่อทำ Remarketing หรือ Retargeting ตัวเลข Impression จะช่วยให้ประเมินประสิทธิภาพได้แม่นยำยิ่งขึ้น


สรุปบทความ

สรุปแล้ว Impression คือตัวชี้วัดพื้นฐานที่บอกจำนวนครั้งที่คอนเทนต์ของคุณปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการตลาดออนไลน์ ดังนั้น การเข้าใจความแตกต่างว่า Impression กับ Reach ต่างกันยังไง และรู้จักประเภทต่าง ๆ ของ Impression จะช่วยให้นักการตลาดสามารถวัดผล วิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ Impression สูงอาจไม่ได้รับประกันยอดขาย แต่หากขาด Impression ก็หมายถึงการไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์เลยทีเดียว หากคุณเข้าใจว่า Impression กับ Reach ต่างกันยังไง และนำตัวเลขเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกัน จะช่วยให้วางแผนโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นนั่นเอง